เรื่องที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจเคลือบแก้วรถยนต์
เคลือบแก้วรถยนต์เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีปกป้องสีและคงความเงางามของรถยนต์ที่คนรักรถนิยมเลือกใช้เพื่อดูแลรักษารถยนต์ให้สวยงามเหมือนใหม่อยู่เสมอ เพราะการเคลือบสีรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นเคลือบแก้ว หรือ เคลือบเซรามิคล้วนเป็นการดูแลรักษาภายนอกรถยนต์ด้วยการเคลือบชั้นผิวของสีรถยนต์ให้ดูเงางาม แวววาว ทั้งยังช่วยทำหน้าที่ป้องกันสีรถ จากแสงแดดและสภาพแวดล้อมที่อาจทำให้สีของรถยนต์ซีดหมอง ทำให้สีรถสวยงามคงสภาพเหมือนใหม่ได้ยาวนานยิ่งขึ้น เคลือบแเล้วจะช่วยป้องกันการเกิดรอยขนแมว รอยขีดได้มากกว่าปกติ ช่วยลดรอยด่างที่อาจเกิดจากคราบน้ำ คราบโคลน ขี้นก ยางไม้หรือยางมะตอย และยังมีคุณสมบัติที่ช่วยให้คราบสกปรกหลุดออกได้ง่ายเมื่อโดนน้ำด้วยความลื่นของพื้นผิว ทำให้ตัวถังรถยนต์คงความใส เงางาม เมื่อได้รับการเคลือบและดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง
ในปัจจุบัน Car detailing และ Car care แทบทุกที่ล้วนมีบริการเคลือบแก้วไว้รองรับความต้องการของคนรักรถ มีให้เลือกหลายระดับราคาตั้งแต่หลักพัน จนถึงหลักแสน แล้วอะไรคือความแตกต่างของเคลือบแก้วรถยนต์ที่ทำให้มีราคาหลากหลาย อะไรคือสิ่งที่ควรนำมาพิจารณาก่อนการตัดสินใจเลือกใช้บริการเคลือบแก้วรถยนต์ วันนี้เรามีหลักการพิจารณาง่ายๆ ไม่กี่ข้อที่คุณควรพิจารณาก่อนการตัดสินใจมาฝากกัน
- คุณสมบัติของสารที่ใช้
คุณสมบัติของสารที่ใช้เคลือบแก้วส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของการเคลือบชั้นผิวของสีรถยนต์ เคลือบแก้วรถยนต์มีหลายระดับ หลายราคา หลายคุณภาพ สารที่ใช้ผสมเพื่อเคลือบก็แตกต่างกันออกไปตามระดับและราคา ก่อนทำเคลือบแก้วรถยนต์ควรสอบถามทางผู้ให้บริการอย่างละเอียดว่าสารที่นำมาใช้เคลือบนั้นมีค่าความแข็งเท่าไร ในปัจจุบันมีค่าความแข็งแกร่งสูงสุดที่ 9H นอกจากความแข็งของสารแล้วต้องพิจารณาคุณสมบัติการปกป้องสีแท้ของรถจากแสงแดดด้วยว่าสารที่เคลือบสามารถปกป้องสีจากแสงแดดหรือเป็นเพียงการเคลือบสีเท่านั้น และสอบถามคุณสมบัติอื่นๆ ของการเคลือบเพื่อพิจารณาเพิ่มเติมด้วย เช่น การช่วยลดรอยด่าง คุณสมบัติ Self Cleaning เพื่อให้มั่นใจว่าสารที่เลือกใช้มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของคุณมากที่สุด
- กรรมวิธีในการเคลือบแก้ว
คาร์ ดีเทลลิ่งหลายแห่งต่างก็เลือกใช้คำเพื่อการโฆษณาวิธีการเคลือบแก้วที่แตกต่างกันออกไป ในปัจจุบันการเคลือบแก้วสามารถทำได้ 2 กรรมวิธี คือ การทา และ การพ่น แต่ละศูนย์บริการมักเลือกนำเสนอและเลือกใช้กรรมวิธีที่ตนเองมีความเชี่ยวชาญและถนัด เมื่อสำรวจตลาดเคลือบแก้วรถยนต์ในเมืองไทยพบว่าส่วนใหญ่จะเลือกใช้การทามากกว่าการพ่นเพราะการทาจะทำให้สามารถเคลือบสารให้เข้าถึงทุกชิ้นงานได้อย่างสมบูรณ์แบบสูงสุด อีกทั้งยังไม่สิ้นเปลืองสารเคลือบมากเท่ากับการพ่นอีกด้วย และในขั้นตอนสุดท้ายของการเคลือบแก้วไม่ว่าจะเป็นการทาหรือการเคลือบจำเป็นต้องเก็บงานด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์เสมอ เพราะน้ำยาเคลือบไม่สามารถซึมซับด้วยตัวเองได้จึงต้องใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เพื่อเช็ดให้น้ำยาซึมเข้ากับแลคเกอร์ของสีรถยนต์
- ความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ
ความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการตัดสินใจ โดยสามารถพิจารณาได้จากความมั่นคงของสถานที่ให้บริการ มาตรฐานการให้บริการ เครื่องมือ อุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ให้บริการ และการรับรองจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ ร่วมถึงพิจารณาจากผลงานที่ผ่านมาของผู้ให้บริการ เพื่อประเมินถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ
- การรับประกันและบริการหลังการขาย
การเคลือบแก้วนั้นต้องได้รับการบำรุงรักษาและเช็คสภาพผิวเคลือบแก้วอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้รถยนต์ยังคงความเงางามอยู่เสมอ ดังนั้นก่อนการเคลือบแก้วจึงควรสอบถามรายละเอียดและพิจารณาเรื่องระยะเวลาการรับประกัน และบริการหลังการขายของผู้ให้บริการว่ามีระยะเวลารับประกันเคลือบแก้วยาวนานเพียงใด รับประกันอะไรบ้าง มีค่าบริการสำหรับการบำรุงรักษาระหว่างระยะเวลารับประกันหรือไม่อย่างไร และเพื่อความสบายใจของเจ้าของรถยนต์ควรเลือกผู้ให้บริการเคลือบแก้วที่มีคุณภาพที่ระบุระยะเวลาและเงื่อนไขการรับประกันเคลือบแก้วอย่างชัดเจนไว้ในราคาแพคเกจการให้บริการ
หากจะเลือกทำเคลือบแก้วให้กับรถยนต์ควรพิจารณาจากปัจจัยด้านบนให้ถี่ถ้วนก่อนว่าผู้ให้บริการเคลือบแก้วที่เราเลือกใช้บริการมีปัจจัยต่างๆ ที่สำคัญครบหรือไม่ และอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือความมั่นคงของแบรนด์ผู้ให้บริการเพราะการเคลือบแก้วต้องมีบริการต่อเนื่องหลังการขายยาวนาน 3 - 5 ปี จึงควรเลือกร้านที่มีความมั่นคงสูงที่รับประกันได้ว่าผู้ให้บริการจะไม่ปิดกิจการไปเสียก่อน และหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลือบแก้วรถยนต์สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Whisper Executive car detailing เราพร้อมให้บริการทุกวันจันทร์-เสาร์ เวลา 9.00 - 18.00 น. บนถนนประดิพัทธ์ หรือโทรสอบถามได้ที่ 02-270-1911, 089-107-5555